แนวเรียนรู้ธุรกิจดิจิทัล ได้ความรู้มาแล้วก็จงลงมือทำ

ลงมือทำ

ได้ความรู้มาแล้วก็จงลงมือทำ และหมั่นแชร์ความรู้ออกไป – คุณอาจจะเห็นว่ามีวิธีการเรียนรู้หลายวิธี นั่นคืออ่านมาก ดูมาก ฟังมาก ถามจากผู้รู้มากๆ มีสมาธิจดจ่ออยู่กับมันมากๆ แต่ทั้งหมดนี้จะไม่มีประโยชน์เลยหากคุณได้ความรู้เหล่านั้นแล้วไม่นำมาลงมือกระทำ เพราะมันเหมือนได้ความรู้มา แต่ไม่ได้ลองทำจริง มันก็จะไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง และถ้ารู้แล้วทำแล้ว แต่ไม่แชร์กับใครเลย อันนี้ก็อันตราย เพราะถ้าคุณรู้อยู่คนเดียว คุณก็จะเก่งคนเดียว งานที่ได้ก็จะออกมาแบบกะร่องกะแร่งแบบเท่าที่ควร ซึ่งถ้าหากว่างานออกมาไม่ดี ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่พยายามไปเรียนวิทยายุทธ์จากยอดเขาต่างๆ

แนวดูแลบัวกระถางให้สวยเสมอ

บัวกระถาง

อัมพุช เป็นไม้น้ำชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างแพร่ขยาย ด้วยความสวยงามของดอก ทั้งสวย และมีมากหลาหลายสี สามารถทำให้สวนของบ้านคุณสดใส พร้อมๆกับสร้างความชื่นได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย มีหลายคำถามจากผู้ชื่นชอบบัว ว่าตอนซื้อมานั้นแสนจะสวยงาม พอมาอยู่ที่บ้านเราได้ไม่นานก็ไม่เคยเห็นดอกเจ้าบัวสีอีกเลย อีกทั้งใบเอยก็เล็กลงเรื่อยๆ จริงๆแล้วการคุ้มครองรักษาบัวให้สวยงามนั้นไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแต่คุณต้องรู้เทคนิคของการธำรงรักษาและความใส่ใจอีกนิดเท่านั้นเอง ค่ะ

อัมพุช ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ไม่ได้ต้องการเพียงน้ำอย่างเดียว แต่บัวยังต้องการสารอาหาร หรือปุ๋ยมาสร้างเสริมเติมแต่ง ช่วยให้บัวพันธุ์ดี คงความงดงาม และให้ดอกสม่ำเสมออีกด้วยค่ะ มาดูเคล็ดลับง่ายในการเลี้ยงบัวกันค่ะ

บัวต้องการปุ๋ยเพื่อความเจริญงอกงามและให้ดอก โดยการใช้ปุ๋ยเม็ดสูตร 16-16-16 หรือ 12-24-12 ห่อด้วยกระดาษทิซชูและฝังลงในดิน ส่วนใหญ่นิยมสูตรเสมอ 16-16-16 ให้เดือนละครั้ง และที่ขาดไม่ได้คือ คุณต้องหมั่นริบใบเสีย หรือใบเน่า เจ้าพวกเศษใบไม้ สาหร่าย หอยตัวเล็ก ที่มาคอยกัดกินใบก็ต้องคอยดูเสมอค่ะ สำคัญที่สุดคือ บัว เป็นไม้น้ำที่ชอบแสงตะวันเหลือเกิน เมื่อปลูกไปได้สักพักจนโตเต็มที่แล้ว คุณต้องเอาเค้ามาโดนแสงตะวันกลางแจ้ง ยิ่งได้แสงตะวันมาก บัวยิ่งงดงามค่ะ ไม่เชื่อลองสังเกตบัวตามเกาะกลางสิคะ ไม่มีใครใส่ใจเท่าไหร่ รับเพียงแสงอาทิตย์ยังอวดช่อชูดอกกันสะพรั่งปานนั้น

ถ้าเห็นว่าบัวมีอาการชะงักงันไม่เติบโตเท่าที่ควร สาเหตุเกิดจากดินในกระถางเน่าเสีย น้ำไม่ะอาดและมีกลิ่นเหม็น ต้องนำบัวขึ้นมาล้างราก และตัดให้สั้น เปลี่ยนดินใหม่และปลูกใหม่ เป็นดิน 1 ใน 3 ของกระถาง บัวจะเติบโตและให้ดอกสม่ำเสมอ ถ้าบัวแตกกอใหญ่ ก็ต้องเปลี่ยนกระถางให้ขนาดใหญ่กว่าเดิม เหมือนเสื้อที่คับไปน่ะค่ะ ก็จะทำให้เค้าไม่สบายตัว

บัวไม่ชอบฤดูหนาว จึงมีอาการพักตัวหยุดเจริญเติบโตในบางพันธุ์ อย่าตกใจค่ะเพราะเป็นธรรมชาติของบัว ช่วงนี้ถ้าเป็นบัวปลูกมานานแล้ว ควรเปลี่ยนดินเปลี่ยนกระถางไปด้วยเลยก็จะเหมือน refresh ให้เค้าสดชื่นขึ้นใหม่อีกครั้งค่ะ

คุณค่าของน้ำมันรำข้าว

น้ำมันรำข้าว

น้ำมันรำข้าว คือ น้ำมันพืชที่กำเนิดจากน้ำมันรำข้าวดิบ ซึ่งสกัดจากรำข้าว มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี ในกลุ่มโทโคฟีรอลประมาณ 19-40% และกลุ่มโทโคไตรอีนอล 51-81% และโอรีซานอล (Oryzanol) ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีถึง 6 เท่า มีกรดไขมันอิ่มตัว 18% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid : MUFA) 45% กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid : PUFA) 37% น้ำมันรำข้าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C)

กำลังฮอตและเป็นที่นิยมติดตลาดสำหรับอาหารเสริมน้ำมันรำข้าว มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี น้ำมันรำข้าวเป็นประโยขน์มาก อยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด ประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด

กลุ่มมะเร็ง
โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีที่มาที่ไปในศตวรรษที่ผ่านมาและ ศตวรรษนี้ คือโรคมะเร็ง แต่น่ายินดีที่ผลการวิจัยทางวิชาวิทยาศาสตร์ พบว่า หากได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันจมูกข้าวข้นถึง 5% ของกระแสเลือดในร่างกาย จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นเนื้อร้าย แม้ผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกแล้ว ก็ช่วยได้ถึง 62% เนื่องจากในน้ำมันจมูกข้าว มีสารอาหารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก

การรักษาสมอง บำรุงประสาท
น้ำมัน Linolic Acid ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆสามารถดูดซับกลูโคส และกรดอะมิโนได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนสภาพฮอร์โมนโปรสตาแกลนดิน และทำให้เกิด Cyclic AMP มากขึ้นจึงทำให้สารอาหารที่เหลืออยู่ในเลือดที่เป็นกลุ่มโปรตีน ไทโรซีน พิลทิลออลานิล ทรีพโทเพน เยอะขึ้น ซึ่งโปรทีนกลุ่มดังกล่าวจะเป็นแหล่งพลังงานในการทำหน้าที่หลักของเซลล์สมอง และประสาท ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสมอง และประสาทส่วนที่ชำรุด ระบบประสาทจะฟื้นดีขึ้น

กลุ่มโรคเบาหวาน
ในน้ำมันรำข้าวสกัด มีธาตุโครเมียมที่ย่อยง่ายสูง 265x10-3 mg/100 gm โครเมียมที่ร่างกายดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะเกาะอยู่ตามเซลล์ต่างๆ ของกล้ามเนื้อและทำหน้าที่ในการจับกับฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยให้ฮอร์โมนอินซูลินคงตัวได้นานขึ้น ซึ่งโดยปกติ ฮอร์โมนอินซูลินจะมีเสถียรภาพในการทำงาน (half-life) ห้า นาที จึงช่วยทำให้การหลั่งกลูโคสลดลง ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำและการดูดซึมน้ำตาลของกล้ามเนื้อก็ต่ำลงด้วย

กลุ่มโรคความดันโลหิตสูง
น้ำมัน Linoleic Acid จะเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นโปสตาแกลนดิน ซึ่งจะกลายเป็นฮอร์โมนที่ลดการบีบตัวของเส้นเลือด จะทำให้ลิ่มเลือดสลายตัว ทำให้การทำงานของหัวใจลดลง

กลุ่มโรคความจำเสื่อม โรคไหลตาย
น้ำมันในส่วนฟอสฟอไลปิด และ ไกลโคไลปิด จะมีผลทำให้สมองและเซลล์สมองได้รับการปฏิสังขรณ์ในส่วนที่จุดเชื่อมต่อหลุด และบำรุงรักษาเซลล์ประสาทให้แข็งแรง

บำรุงผิวให้ผ่องใส และ ชลอความแก่
น้ำมันจมูกข้าว นอกจากจะมีวิตามินอีธรรมชาติในรูปแอลฟา-Tocopherol จำนวนมากแล้วน้ำมันจมูกข้าวและน้ำมันรำข้าวยังมีสารแกมม่า-ออไรซานอล ในปริมาณมากเช่นกัน ซึ่งสารทั้งสองเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นซ์ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อถูกทำลาย โดยอนุมูลอิสระ รวมทั้งวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โอเมก้า 6 และเซลาไมซ์(Ceramide) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า สารอาหารดังกล่าวข้างต้น มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่ง เปล่งปลั่ง ผ่องใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ทำให้แก่ช้า หรือ ชลอความแก่ ที่มีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป

คุณค่าของน้ำมันรำข้าว
1.) ช่วยปรับสมดุลของระบบฮอร์โมนในสตรีวัยทอง
2.) สร้างและปฏิสังขรณ์ส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง
3.) ช่วยลดความตึงเครียด
4.) สร้างเสริมสร้างความจำ
5.) ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเสริมสร้างเซราไมน์ให้เพียงพอ
6.) ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
7.) ลดสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
8.) ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
9.) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
10.) ลดอัตราการเกิดเนื้องอก
11.) ช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น
12.) ช่วยลดระดับคอเรลเตอรอลในหลอดเลือด
13.) เพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น
14.) ช่วยป้องกันแสงยูวีได้
15.) ลดอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง