วิถีทางลดน้ำหนัก ให้ผอมรวดเร็วได้ภายใน 7ทิวา

วิธีลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักให้ได้ผลดีจริง ไม่ใช่การอดอาหารหรือการกินยาลดความอ้วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกทานอาหาร ซึ่งหากใครที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการบริหารร่างกายมานานแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่มีทีท่าจะลดลงไปสักที บอกเลยว่าคุณควรจะหันไปโฟกัสเรื่องการกินของตัวเองบ้าง ด้วยการใช้วิธีลดความอ้วนที่เราได้นำมาฝากวันนี้ รับประกันว่าคุณจะผอมได้ฉับพลันภายใน 7 วันเลย

หากคุณทานอาหารตามใจปากแบบไม่มีแผนการกินมาตลอด ให้คุณเริ่มแพลนเรื่องอาหารเสียก่อน โดยให้คุณหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนไว้ว่าภายในอาทิตย์นี้คุณจะกินเมนูเพื่อสุขภาพอนามัยอะไรบ้าง และแพลนไว้ว่าควรออกไปซื้อข้าวปลาอาหารอะไรมาเตรียมไว้บ้าง หากทำได้จะช่วยให้คุณรับประทานได้อย่างเป็นระบบระเบียบขึ้น แล้วก็จะนำพามาซึ่งความผอมนั่นเอง

แม้ว่าคุณจะอ้างว่ายุ่งตลอดจนไม่มีเวลาดูแลตนเอง แต่เชื่อเถอะว่าถึงแม้จะงานยุ่งรัดตัว แต่คุณจะต้องมีเวลาให้ตนเองบ้าง ลองเปลี่ยนจากเวลาพักผ่อนหย่อนใจดูละครตอนดึก มาเป็นเวลาเตรียมอาหารสุขภาพสำหรับวันต่อไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเวลาออกกำลังกายดีกว่า แล้วอย่าลืมจดบันทึกเป็นลิสต์ไว้ด้วยนะว่าวันต่อๆไปคุณควรจะต้องตั้งเนื้อตัวตัวอย่างไรบ้าง

การอดอาหารไม่ใช่หนทางที่นำไปสู่ความผอม หนำซ้ำอาจทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะเช่นนั้นใช้แพลนการกินอาหารที่ได้วางไว้ให้เป็นประโยชน์ โดยทานอาหารตามตารางที่เขียนเอาไว้ ซึ่งโภชนาทั้งหลายควรจะมีสารอาหารและวิตามินเยอะ ที่สำคัญควรจะเป็นอาหารสุขภาพที่ไม่มีไขมันเยอะด้วย

รู้หรือไม่ว่าการทานอาหารหน้าทีวี จะยิ่งทำให้คุณนั้นอ้วนฉุ เพราะคุณจะไม่มีสมาธิจดจ่อกับอาหารแล้วก็ตักเข้าปากอย่างไม่ทันได้ยั้งคิด ฉะนั้นให้คุณเปลี่ยนจากการกินอาหารหน้าทีวี มากินแค่ในครัวหรือห้องสำหรับรับประทานอาหารเท่านั้นจะดีกว่า

ถ้าเคยกินไปด้วยทำงานไปด้วยหรือกินไปด้วยขับขี่ไปด้วย บอกเลยให้เลิกความประพฤตินี้ซะ เพราะกิจกรรมที่ทำระหว่างการกินเหล่านี้ จะทำให้คุณไม่ได้สังเกตตัวเองว่าทานอาหารไปมากเท่าไหนแล้ว ฉะนั้นเวลาจะกินก็ให้โฟกัสไปที่การกินอย่างเดียว โดยที่ห้ามมีกิจกรรมอื่นเข้ามายุ่งด้วย

การลดความอ้วนตัวคนเดียวอาจจะเป็นเรื่องยากไปหน่อย เพราะหากเพืื่อนหรือคนในครอบครัวชวนไปกินนั่นกินนี่ แผนการลดความอ้วนของคุณก็อาจจะล้มเหลวได้ ทางที่ดีชวนเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวให้มาทานอาหารสุขภาพกับคุณ หรือไม่ก็ชวนไปทอดน่องสักครึ่งชั่วโมงหลังอาหารเพื่อเป็นการบริหารร่างกายก็ได้ วิธีนี้ไม่เพียงแต่คุณจะได้สุขภาพดีคนเดียว แต่คนรอบกายของคุณก็ได้ไปด้วยนะ

ถ้าคุณเกิดเห็นสื่อโฆษณาขนมหวานในโทรทัศน์ แล้วอยากกินจนทนไม่ไหว ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรแต่แค่อยาก บอกเลยว่าคุณควรจะควบคุมความคิดตัวเองใหม่ได้แล้ว เพราะการกินตามใจปากแม้ตอนยังไม่หิวนี่แหละ ที่จะทำให้คุณอ้วนฉุได้อย่างน่ากลัวเลยล่ะ ถ้าหากคุณเกิดความคิดอยากจะกินอะไรสักอย่างเวลาเห็นโฆษณาหรือรูปภาพในอินเทอร์เน็ตแล้วละก็ ให้หาอย่างอื่นทำแทน เช่น การทาเล็บหรือถักนิตติ้งเพื่อลืมมันไปก็ได้

นอกจากจะวางแผนการการกินให้ดีแล้ว สาว ๆ ก็ควรจะออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงด้วยนะคะ ที่สำคัญต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ลดไป เชื่อสิว่าวันหนึ่งหุ่นของคุณจะเป๊ะอย่างที่หวังเลยแหละ

ขอบคุณแนวร่วม : ยาลดความอ้วน

อาหารเสริมลดความอ้วน มีผลร้ายหรือเปล่า มาทำความเข้าใจข้อมูลกันก่อน

ยาลดความอ้วน

เวลานี้เรื่องสุขภาพอนามัย การรักษารูปร่าง กำลังเป็นที่นิยม มีหลากหลายเคล็ดวิธีที่จะช่วยให้เราลดความอ้วนได้ ไม่ว่าจะด้วยการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลัง หรือแม้กระทั่งการกินอาหารเสริมยาลดความอ้วนที่กำลังสะพัดอยู่ในระยะนี้

หากแต่อาหารเสริมพวกนั้น เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่อาจจะทำให้เราสวย ผอมบาง ได้อย่างง่ายมาก แต่ ! กลับทิ้งสารเคมี ที่อาจเป็นพิษภัยกับเราเอาไว้ ดังนั้นก่อนที่เราคิดจะพึ่งอาหารเสริมเหล่านี้ ก็ควรจะเรียนรู้ข้อมูลให้ดีเสียก่อน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะ อาหารจำพวกถั่วขาว สารสกัดจากตะบองเพชร ที่ไปช่วยดักจับไขมัน ไม่เป็นการลดความอ้วนที่เป็นโทษ แต่จะดัดจับไขมัน แล้วให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม กินได้น้อยลง เมื่อกินได้น้อยลง แล้วความหนักเบาเราก็จะลดลงตามไปด้วย พร้อมทั้งดึงไขมันที่ไม่ใช้ออกมาให้หมด ในรูปแบบของเหงื่อ และการขับถ่าย ทั้งในรูปแบบของเครื่องดื่ม และอีกต่างๆนาๆแล้วแต่ความคิดของผู้ผลิต แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเสริมนั้นถ้าไม่ได้เกณฑ์และรับประทานผิดวิธีจะทำให้เกิดโทษตามมามากมาย

ผลร้ายของอาหารเสริมลดน้ำหนัก
1. ถ้ากินพร่ำเพรื่อทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ อาเจียน ท้องเสีย
2. ถ้าเขมือบบ่อยเกินทำให้ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
3. ถ้าทานบ่อยเกินทำให้เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
4. ถ้าทานบ่อยเกินทำให้เกิดการสะสมของสารเคมี
5. ถ้ากินพร่ำเพรื่อทำให้โรคมะเร็ง
6. ถ้าอาหารเสริมที่ผลิตนั้นไม่ได้รับมาตรฐาน ทำให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายและถ้ารุนแรงถึงขั้นสิ้นชีพได้

เหตุฉะนี้หากเราคิดจะพึ่งอาหารเสริมลดความอ้วนแบบนี้แล้ว ก็ควรจะเรียนรู้ข้อมูล ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทางที่ดีการใช้วิธีธรรมชาตินั้นยืนยาวและไม่เป็นอันตรายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการเลือกทานอาหารที่เป็นประโยขน์ รู้จักเลือกบริโภคอาหารที่เน้นกากใย รวมไปถึงการหมั่นบริหารร่างกายอยู่เป็นกิจวัตร เท่านั้นก็ทำให้เราผอมได้ แล้วยังปลอดภัยอีกด้วยนะคะ

โรคเชื้อราในสมอง น่าขนพอง โปรดปรานการเล่นน้ำทะเลก็ต้องระแวดระวัง

เชื้อราในสมอง

เชื้อราในสมอง ภัยอันตรายที่มองไม่เห็นจากอุบัติเหตุเพียงแค่เล็กน้อย เช่น การสำลักน้ำ การจมน้ำ แต่จะสามารถให้ผลรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตเราได้อย่างไรนั้นต้องมาลองดูกัน

ใครที่ชอบไปหย่อนใจตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ทะเล น้ำตก อาจต้องเพิ่มความระแวดระวังในการดูแลร่างกายตัวเองให้มากขึ้น เพราะความเจ็บป่วยเดี๋ยวนี้กลายพันธุ์ได้ง่ายกว่าเดิม ดังที่เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่าจมน้ำแล้วสมองบวม พอไปตรวจอีกทีพบว่าเป็นเชื้อราในสมองเสียแล้ว หรือหากใครจำกันได้กับกรณีของนักร้องดัง บิ๊ก ดีทูบี ที่ประสบอุบัติเหตุรถตกคูน้ำที่มีเชื้อราปนเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนอาการจะทรุดหนักเพราะเชื้อราเข้าไปในสมอง กระทั่งตายในที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นการระวังไม่ให้เกิดกรณีอันน่าสลดแบบนี้อีก เราก็ควรมาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อรากันก่อนจะได้รู้แนวป้องกันที่ถูกต้องเอาไว้บอกต่อกับคนที่เราห่วงใย

เชื้อรามรณะที่เป็นต้นเหตุในที่นี้ก็คือ เชื้อรา P.boydii มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Scedosporium เป็นเชื้อราที่พบได้ตามบริเวณที่มีสิ่งโสโครกทับถมกันเป็นจำนวนมาก เช่น แหล่งน้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำขนาดใหญ่ กองขยะสด บ่อพักสิ่งปฏิกูล รวมถึงในพื้นดินที่มีความชื้นตลอดเวลาไม่ถูกแสงแดด แม้แต่ในน้ำตก หรือทะเลที่มีของเสียหรือขยะปนเปื้อนมาก ๆ เพราะเชื้อราชนิดนี้สามารถเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 30-37 องศา

ถ้าแม้จะเป็นเชื้อราที่ไม่น่าจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ และไม่สามารถก่อให้เกิดโรคโดยตรงได้ก็ตาม แต่ถ้าเมื่อไรที่ร่างกายสัมผัสกับแหล่งการขยายตัวของเชื้อราชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหายใจ หรือทางผิวหนังที่เป็นแผล ก็มีโอกาสสูงมากที่เชื้อราจะเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ตามอวัยวะในร่างกายเรา เช่น ปอด หัวใจ ตับ สมอง

เมื่อไหร่ที่ภูมิต้านทานร่างกายต่ำลง เชื้อราจะกระจายตัวได้ดีกว่าตอนที่เราแข็งแกร่งดี ดังนั้นจึงไม่แปลกหากพบว่าในกรณีของคนจมน้ำ สำลักน้ำ หรือ แค่น้ำสกปรกโดนผิวหนังเรา จะทำให้เรามีอาการไม่สบายในเวลาต่อมาได้ เพราะทันทีที่เชื้อราชนิดนี้เข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายแล้วจะทำการแบ่งตัว และเจริญเติบโตแทรกซึมไปตามอวัยวะต่าง ๆ ที่มีสารอาหารโปรตีน และไขมันสูง ซึ่งตำแหน่งแรกที่มันจะเดินทางเข้าหาก็คือ เนื้อสมองของเรานั่นเอง เพราะส่วนประกอบหลักของสมองคือ ไขมัน และเชื้อนี้จะตรงเข้าทำลายระบบประสาทส่วนกลาง หรือประสาทส่วนการรับรู้ภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง ด้วยขั้นตอนเจริญพันธุ์นี่เองที่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ในเรือนร่างเราหยุดการทำงานลงฉับพลัน

ครั้นเมื่อติดเชื้อราในสมองแล้ว จะมีปรากฏให้เห็นชัด 3 ท่าที คือ
1. กิริยาอาการทางปอด อาจเกิดมีอาการเข้าแทรกคือ โรคไซนัส หากเอกซเรย์ดูจะพบว่ามีจุดกลมคล้ายมีลูกบอลในปอดอันเป็นต้นเหตุทำให้ปอดเน่า ผู้ป่วยจะมีอาการไอเป็นเลือด เจ็บในอกเสีอด มีไข้ พบรอยฝ้าและเกิดโพรงในปอด โดยเชื้อนี้พบในปอดถึง 10% ของคนป่วยที่เป็นโรคน้ำย่อยปอดผิดปกติ และ อาจเกิดโรคร่วมกับเชื้อราอีกตัวหนึ่งควบคู่กันก็ได้
2. อาการเฉพาะที่ เช่น บริวณอวัยวะกระดูกและข้อ ผิวหนัง และ เนื้อเยื่อบริเวณตาที่ก่อให้เกิดอาการตาอักเสบจนปวด แดง หรือ คล้ายมีฝุ่นในตา เป็นต้น
3. อาการในกระแสเลือด ทันทีที่เชื้อรากระจายเข้าสู่กระแสเลือด กิริยาอาการที่เห็นได้ชัดอย่างแรกคือ ช็อก เกิดภาวะพังพินาศในอวัยวะหลายส่วน มักเกิดกับคนไข้ที่มีร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำมาก่อนหน้าแล้ว

แม้ว่าโรคเชื้อราในสมองจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด 100 % แต่ก็สามารถพยุงอาการเอาไว้ไม่ให้เชื้อราเติบใหญ่ได้ด้วยการใช้ยาแก้โรคร่วมกันของ voriconazole หรือ itraconazole ร่วมกับยา terbinafine และยา Posaconazole นอกจากนี้ยังต้องมีการเยียวยาด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การระบายฝีในสมอง ระวังสมองบวม ระวังการติดต่อลามไปไซนัสและกระดูก รวมถึงการทำกายภาพบำบัดด้วย และอีกหนึ่งวิธีที่ผู้รักษาโดยมากเห็นว่าสามารถให้ผลดีได้ก็คือการให้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่กลับเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างอื่นตามมา เช่น แขนขาอ่อนแรง หรือ อัมพาตครึ่งซีกได้

หลักการการระวัง
1. เลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งโสโครกเมื่อเวลามีรอยแผล
2. ล้างมือก่อนหยิบของกินเข้าสู่ร่างกายทุกคราว
3. หากต้องไปในบริเวณที่มีอากาศไม่หมุนเวียน ควรพกผ้าปิดจมูกไปด้วย เพื่อระแวดระวังสูดเชื้อโรคเข้าไป
4. หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายควรไปพบผู้รักษา
5.หลีกหนีการลงไปเล่นน้ำในบริเวณที่ไม่สะอาด เช่น บึงที่มี่จอกแหนขึ้นรกมาก น้ำคลอง น้ำตก ทะเลที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

แม้ว่าเจ้าเชื้อรามรณะนี้จะมีชื่อฟังดูน่าเกรงขาม แต่ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เพราะพอได้ลองรู้จักแล้วจะพบว่าเราก็สามารถปกป้องรักษาตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อรานี้ได้ไม่ยากนัก ถ้าเพิ่มความระแวดระวังให้เยอะขึ้น

เหตุเภทภัยจากการอดอาหาร ผอมแล้วล้มป่วยไม่คุ้มกันหรอก

ภัยอันตรายจากการอดอาหาร

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยลดความอ้วนก็คงเคยที่จะใช้แนวทางติปาถะเพื่อให้น้ำหนักที่เกินลดลงไปให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดอาหาร การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การใช้ยาที่ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางสุดเบสิกที่สุดอย่างเช่นการอดอาหารที่หลายคนก็มักจะใช้แนวทางนี้ในช่วงเพิ่งเริ่มลดความอ้วน แต่ขอบอกเลยค่ะว่า มันไม่ใช่วิธีที่ดีพอ ๆ กับการใช้ยาลดน้ำหนักเลยล่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าทำไม วันนี้เราก็เลยนำเรื่องของการอดอาหารมาเล่าสู่กันฟัง ลองมาดูกันสิว่าแค่คุณอดอาหารเพียงหนึ่งมื้อ จะส่งผลร้ายกับเรือนร่างเช่นไรบ้าง

การอดอาหารในมื้อใดมื้อหนึ่งของวัน หรือการลดจำนวนอาหารที่รับประทานต่อมื้อลงให้เหลือเพียงเล็กน้อย ด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างเช่น การจำกัดแคลอรี่หรือจะเป็นการดื่มเพียงน้ำผักแคลอรี่ต่ำ วิธีเหล่านั้นไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดที่เลยล่ะค่ะ เพราะการอดอาหารแค่มื้อเดียว สามารถส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมากจนมีพิษมีภัยกับร่างกาย เพราะน้ำตาลนั้นเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้าหากระดับของน้ำตาลไม่อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอควรก็จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้รับผลกระทบกระเทือนตาม ๆ กันไปด้วย

Maggie Moon นักโภชนบำบัดในเมืองลอสแอนเจลิส กล่าวว่า การอดอาหารจะทำให้คุณรู้สึกตะครั่นตะครอและทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย เพราะเมื่อร่างกายของคุณขาดพลังงานใหม่ ๆ ที่มาจากอาหาร จะทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่ภาวะหิวโหยและเริ่มสงวนพลังงานในร่างกายที่มีอยู่ไว้ใช้กับส่วนที่สำคัญของร่างกาย ระบบการเผาผลาญอาหารจะทำงานช้าลง ทำให้อาหารที่คุณทานเข้าไปก่อนหน้าไม่ได้รับการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน การอดอาหารจะทำให้ความสามารถในการทำงานของสมองก็จะลดลง โดยจะส่งผลต่อสติปัญญาและความรู้สึก ทำให้คุณรู้สึกคิดอะไรไม่ออก และอารมณ์แปรปรวน ประสาทเสียง่าย อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณรับประทานอาหารเข้าไปหลังจากนี้ภายในเวลาแปดชั่วโมง ร่างกายของคุณก็จะรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นปกติ แต่ก็เป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น เพราะระบบการเผาผลาญของคุณยังคงอยู่ในระดับต่ำ เพราะร่างกายของคุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพลังงานใหม่ ๆ ที่จะมาจากการรับประทานอาหารนั้นจะมาอีกครั้งเมื่อไร และร่างกายของคุณก็จะกลับไปสู่ภาวะเดิม นั่นก็คือระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองตื้อ และอารมณ์วิปริตไปตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้การอดอาหารยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย เพราะเมื่อร่างกายขาดพลังงาน ร่างกายก็จะดึงเอาสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในกล้ามเนื้อออกมาใช้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้กำลังวังชาของร่างกายลดน้อยถอยลงไป และในที่สุดก็จะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มต่อต้านคุณเอง และทำให้คุณเกิดอาหารหิวอย่างบ้าคลั่ง ทีนี้ล่ะ คุณจะยิ่งรับประทานอาหารกลับเข้าไปมากกว่าปกติ จนทำให้การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนักของคุณคว้าน้ำเหลวในที่สุด

เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าการอดอาหารส่งผลร้ายมากแค่ไหน ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ฉะนั้นใครที่กำลังอดอาหารอยู่เลิกดีกว่านะคะ หันมาบริโภคให้ครบทุกมื้อ แต่ใส่ใจในอาหารแต่ละมื้อให้มากขึ้น โดยเพิ่มปริมาณโปรตีนไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังควรทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณที่พอเหมาะ แม้ว่าอาจจะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ก็จะทำให้ร่างกายของคุณทำงานได้เป็นปกติ แถมยังทำให้คุณมีความสำราญ มากกว่าการอดอาหารอีกด้วย

ไม่ว่ายังไงสุขภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ด้วยเหตุนั้นการลดน้ำหนักจึงควรตระหนักถึงสุขภาพเป็นหลักด้วย อย่ามัวแต่สนใจถึงรูปร่างจนหลงลืมสุขภาพกันนะคะ เพราะบางทีก็อาจจะไม่คุ้มกันถ้าหากคุณมีรูปร่างที่ต้องตาต้องใจแต่กลับต้องล้มเจ็บด้วยโรคร้ายแรง จริงไหมคะ

วิธีการลดท้องแบบเร่งด่วน เห็นผลด่วนจนใคร ๆ ก็ต้องทัก เชื่อสิ

แนวทางลดหน้าท้องแบบรีบด่วน ด้วยวิธีแบบง่าย ๆ ที่สาว ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ใครอยากมีท้องที่แบบราบได้อย่างรวดเร็วทันใจ ลองมาทำกันดูเลย

เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงจะกำลังตึงเครียดกับพุงย้วย ๆ และชั้นไขมันที่หนาแน่นเป็นห่วงยางของตัวเองกันอยู่แน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ แถมยังจะเสียเซลฟ์สุด ๆ เมื่อเวลามีคนมาทักว่ากำลังจะมีน้องหรือเปล่า !? โอ้แม่เจ้า... คำ ๆ นี้มันช่างสะท้านเจ็บช้ำน้ำใจเสียจริง ฉันแค่มีพุงนะ ไม่ได้ตั้งครรภ์สักหน่อย คิดแล้วมันน่าน้อยใจจริง ๆ อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้คงต้องหาวิธีจัดการเจ้าพุงตัวปัญหายาลดความอ้วนแบบเร่งด่วนกันซะหน่อยแล้ว ว่าแต่จะทำยังไงดีนะ ? สำหรับใครที่อยากรู้วิธีจัดการไขมันหน้าท้องให้ได้แบบเร็วไว วันนี้ยาลดความอ้วนก็มีวิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วนมาให้สาว ๆ ได้ลองประพฤติกันดูค่ะ สาว ๆ คนไหนที่อยากมีพุงแบนราบ อย่ารอช้า รีบมาฟิตพุงด้วยแนวทางต่อไปนี้กันเลย

เริ่มแรกจากการงดทานพวกขนมขบเคี้ยว อาหารที่มีไขมัน อาหารทอด ๆ มัน ๆ และอาหารการกินที่มีองค์ประกอบของน้ำตาลมาก ๆ โดยเด็ดขาด พร้อม ๆ กับควบคุมโควตาอาหารด้วย โดยให้ลดปริมาณและมื้ออาหารให้น้อยลง ซึ่งปกติอาจจะรับประทาน 3-4 มื้อ ให้ลดเหลือเพียง 2 มื้อ และลดปริมาณข้าวให้น้อยลงครึ่งเดียว และนอกจากนี้ควรจะเลือกกินอาหารที่มีผลช่วยในการควบคุมน้ำหนักควบคู่กันไปด้วย เช่น ผัก ผลไม้ พริกไทย และนมเปรี้ยว เป็นต้น ซึ่งอาหารพวกนี้จะช่วยย่อยอาหาร และเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม

การคุมอาหารควรทำพร้อมกันไปกับการออกกำลังอย่างคงเส้นคงวา ซึ่งการออกกำลังเพื่อลดหน้าท้องก็มีอยู่หลายแนวทาง แต่ที่ได้รับความชื่นชอบ และสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ก็คือ การออกกำลังกายโดยการซิทอัพ ถึงแม้จะเป็นวิธีการออกกำลังแบบเบสิก แต่รับรองว่าได้ผลชัวร์ โดยให้เริ่มจากการซิทอัพ 20 ครั้งต่อวัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนให้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้ทำเป็นประจำอย่างเป็นนิสัยทุกวัน ทั้งนี้อาจจะออกกำลังอย่างอื่นควบคู่กันไปด้วย อย่าง จ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน อย่างน้อย 20-30 นาที จะช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ดียิ่งขึ้น

ใครที่อยากมีท้องแบนราบ สิ่งสำคัญคือต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ คือ ก่อน 4 ทุ่ม (นอนพักผ่อนให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมง) เพราะจะทำให้ร่างกายได้พักสมองอย่างเต็มที่ แถมยังจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานออกมา ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการกำจัดไขมันส่วนเกินได้ด้วย

การหายใจมีส่วนอย่างสูงในระบบไหลเวียนเลือดและระบบเผาผลาญอาหารในเรือนร่าง แถมยังจะช่วยให้รู้สึกอิ่มจากอาหารแต่ละมื้อนานขึ้นและลดอาการอยากอาหารให้น้อยลงได้ด้วย โดยการหายใจที่ถูกต้องคือ จะต้องหายใจอย่างช้า ๆ และลึก ๆ และทุกครั้งที่หายใจเข้าหน้าท้องจะป่องออกเพื่อรับลมเข้าและแบนลงเมื่อหายใจออก โดยฝึกให้สม่ำเสมอ เช่น เวลาว่าง ๆ ให้ลองนั่งหรือยืนตัวตรงในท่าสบายแล้วค่อย ๆ เริ่มหายใจเข้าออกช้า ๆ เป็นจังหวะ ทำวันละ 10 นาที รับรองระบบเผาผลาญจะดีขึ้นอย่างแน่แท้

การดีท็อกซ์ลำไส้ทำได้โดยการบริโภคโยเกิร์ตบ่อย ๆ จะถือเป็นการชำระล้างไขมันที่เกาะอยู่ที่ลำไส้ ซึ่งไขมันเหล่านี้จะทำให้กระเพาะอาหาร ตับ และม้าม เกิดการดูดซึมได้น้อยมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในส่วนของม้ามที่ชื้นจะยิ่งทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่ายขึ้น เมื่อทำการขจัดไขมันเหล่านี้ออกไปด้วยการดีท็อกซ์จะช่วยทำให้หน้าท้องเล็กลงตามไปด้วย

เป็นไรกันบ้างคะกับแนวทางลดหน้าท้องแบบรีบด่วนที่เอามาฝากกันในวันนี้ ง่ายเลยใช่ไหมล่ะ เชื่อว่าคุณสาว ๆ สามารถทำได้อย่างแน่แท้ แต่อย่าลืมทำให้เป็นประจำเป็นกิจวัตร และมีระเบียบในตัวเองด้วยนะคะ รับประกันว่าพุงสลาย ไขมันหด เหลือแต่หน้าท้องแบนราบได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน

วิธีควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน อย่างปลอดภัย

วิธีควบคุมน้ำหนัก ลดความอ้วน อย่างปลอดภัย  (มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค)

         โรคอ้วน คือ ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง

         ผู้ที่ป่วยด้วยโรคอ้วนหลายรายอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม ผู้ที่เป็นโรคอ้วนอาจไม่จำเป็นต้องมีน้ำหนักร่างกายมากเกินไป (Overweight) เพียงแต่มีไขมันสะสมมาก แต่อาจมีกล้ามเนื้อไม่มาก ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป ก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นโรคอ้วนเสมอไป แต่มีกล้ามเนื้อสะสมมาก เช่น ผู้ที่เป็นนักเพาะกายอาชีพ แขนขาจะถูกเพาะให้มีกล้ามเนื้อสะสมมากๆ ทำให้มีน้ำหนักตัวสูง บางรายก็เป็นได้ทั้งโรคอ้วนและน้ำหนักตัวมากเกินไป

ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนวิเศษจริงหรือ?

         การลดความอ้วนและควบคุมน้ำหนักไม่มีวิถีทางเดินลัดที่ รวดเร็ว ไม่มีของวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นไม้เท้าวิเศษ เข็มขัดวิเศษ สายรัดนิ้วเท้าวิเศษ แม้แต่ยาเม็ดวิเศษใดๆ ก็ไม่มี ความเป็นจริงที่ได้ผลคือ การวางแผนในระยะยาว ค่อยเป็นค่อยไป การออกกำลังกาย และโภชนาการที่ถูกหลัก เป็นกลไกสำคัญที่ให้ผลอย่างแน่นอน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ช่วยให้ร่างกายกระชับ มีการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไป

         อาหารที่ควบคุมไม่ให้มีไขมันและน้ำตาลมากเกินไปทั้งคาว หวาน ลดเลิกน้ำอัดลมที่ไร้คุณค่าจะช่วยได้มาก ทั้งหมดนี้อยู่ที่การควบคุมใจตนเองให้เข้มแข็งไม่ให้ตามใจปากเท่านั้นเอง หากโรคอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์ควรปรึกษาแพทย์ วิธีทางการแพทย์เช่น การดูดไขมันซึ่งเป็นน้องๆ ของการผ่าตัด อาจปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน และควรคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ จะได้ไม่เสียโฉม เสียเงิน เสียใจ และเป็นคดีความกับแพทย์ผู้ทำการรักษาในที่สุด

ผลิตภัณฑ์ลดอ้วนมีกี่ประเภท

         ผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายสำหรับผู้ที่ต้องการลดและควบคุมน้ำหนักโดยสรุป แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ

1. อุปกรณ์วิเศษ หรือ เสื้อผ้าสำหรับห่อรัดตัว เช่น เข็มขัดรัดเอว/สะโพก/หน้าท้อง หรือห่อหุ้มทั้งตัว

         โดยมากทำจากพลาสติคหรือยาง โดยมีการโฆษณาว่า สามารถช่วยละลายไขมันออกไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว หลักการโดยรวมคือ ทำให้ร่างกายส่วนที่ถูกห่อหุ้มคายเหงื่อหรือน้ำออกมา อาจมีอุปกรณ์ไฟฟ้าช่วยกระตุ้นน้ำหนักที่ลดลงเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียน้ำ แต่มักจะให้ผลชั่วคราวเท่านั้น อาจมีการแนะนำให้ใช้เจลหรือครีมลดน้ำหนักทาถูนวดเสริมไปด้วยเพื่อให้ผิวหนังกระชับ

2. ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมทั้งจากธรรมชาติและเทคโนโลยี ที่จะให้ผลในการควบคุมความหิว หรือช่วยยับยั้งไม่ให้ย่อยอาหารที่กินเข้าไป เช่น

         Starch Blocker ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักสามารถตามใจปากได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการ ยาเม็ดที่ชื่อ Starch Blocker จะทำหน้าที่ยับยั้งเอ็นไซม์ไม่ให้ทำหน้าที่ย่อยแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตจากอาหารที่กินเข้าไป ทำให้ไม่เกิดการดูดซึม เข้าร่างกาย หรือ

         ยาเม็ดที่สามารถดูดซับไขมันในกระเพาะและลำไส้ได้ (Fat absorber) เช่น ยาเม็ดไครโตซาน (Chitosan) สามารถดูดซับไขมันจากอาหาร ทำให้ไขมันจากอาหารที่กินเข้าไปไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและถูกขับถ่ายออก

         ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเช่น สไปรูไลนา (Spirulina) ที่สกัดได้จากสาหร่ายทะเล มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิดเป็นองค์ประกอบ ผู้ขายมักจะประชาสัมพันธ์ว่า สามารถกินเพื่อยับยั้งศูนย์หิวของสมองได้ โดยมีอมิโนแอซิดที่ชื่อ เฟนนิ้วอลานิน (Phenylalanin) ทำหน้าที่ยับยั้งศูนย์หิวที่สมอง ช่วยให้อยากอาหารลดลง องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวเพราะยังไม่มีข้อมูลในด้านงานวิจัยทางการแพทย์สนับสนุน เพียงพอ นอกจากนั้นยังพบว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารยูริคแอซิด (Uric acid) เป็นองค์ประกอบมาก หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้เป็นโรคข้อเข่าอักเสบ (Gout) และโรคนิ่วในไตได้ และอื่นๆ อีกมากมาย

3. ยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสำหรับใช้กับผู้ป่วยโรคอ้วน โดยอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์

         ยาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยลดความอยากอาหาร และกระตุ้นประสาทส่วนกลางให้กระฉับกระเฉง เป็นการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่าวัตถุออกฤทธิ์แล้ว หากใช้อย่างไม่เหมาะสมระมัดระวัง ย่อมนำมาซึ่งอันตรายแก่ผู้ใช้ได้

         อาการข้างเคียง ที่อาจพบได้จากการใช้ยาลดความอ้วน คือ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ และการใช้ยาเกินขนาด จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ตื่นเต้น ม่านตาขยาย ปวดศีรษะ ประสาทหลอน ในรายที่รุนแรงจะพบว่ามีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ชักโคม่า และตายได้ และถ้าใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มของความผิดปกติทางจิตอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังอาจพบการดื้อยา และการติดยาเกิดขึ้นได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค